อยากชวนคุยเรื่องการใช้จอของลูกและเราค่ะ (คำว่าการใช้จอรวม มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต ทีวี) เราและลูกติดจอไหมคะ? คำว่าติดจอก็นิยามของแต่ละบ้านอาจจะไม่เหมือนกัน เช่น ใช้จอเกินเวลาที่กำหนด เวลาใช้จอแล้วเลิกยาก บอกให้เลิกไม่ยอมเลิก หรือใช้จอจนมีผลต่อชีวิตประจำวันด้านอื่น ๆ เช่น ไม่ทำอะไรเล่นแต่จอ ไม่ทานข้าว ทำการบ้านไม่เสร็จ ไม่ออกกำลัง
.
เวลาถามผู้ใหญ่ก็มักไม่มีใครบอกว่าติดจอนะคะ เราไม่มีกำหนดเวลาเหมือนลูกว่าวันนึงใช้จอได้กี่ชั่วโมง เพราะเราใช้ทำงาน บอกให้หยุดเราก็หยุดได้ ถึงเวลาทานข้าวเราก็ไปทาน ฟังดูก็ไม่ใช่อาการของคนติดจอนะคะ
.
การใช้จอมีทั้งข้อดีข้อเสีย ในยุคที่เรา work from home ลูกเรียน online ยังไงเราก็ต้องทำงานและเรียนผ่านจอ internet ยังเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารกว้างไกลไร้พรมแดน ช่วงโควิดบางคนก็เรียนออนไลน์จนได้ปริญญา ไม่นับแหล่งความรู้ออนไลน์อีกมากมาย รวมทั้งเรายังทำธุรกรรมอีกหลายอย่างผ่านจอ เช่น สั่งข้าว shopping ธุรกกรมทางการเงิน รวมทั้งเป็นแหล่งบันเทิง เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่คงจะเขียนไม่ครบ
.
ของทุกอย่างก็มีทั้งประโยชน์และโทษนะคะ ข้อเสียของการใช้จอ โดยเฉพาะถ้าใช้มากเกินไปก็เช่น เราก็จะไม่ได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ไปทานข้าว ออกกำลัง มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว หรือมีความสัมพันธ์กับคนจริง ๆ การที่เรารู้จักคนผ่านจอบางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะมาหาผลประโยชน์อะไรจากเราหรือเปล่า เราไม่ได้รู้จักเค้าจริง ๆ การฉ้อโกงออนไลน์ hacker หรือมีข่าวการหลอกเด็กไปทำมิดีมิร้ายผ่านการรู้จักทางออนไลน์
.
Content ที่เราคัดกรองได้ยาก ลูกอาจจะได้เห็น content ที่ไม่เหมาะกับวัย เช่น ความรุนแรงหรือเรื่องทางเพศ เรื่องของ cyber security ที่เราต้องสอนลูกและเราเองก็ต้องระวัง การเปิดเผยตัวตนออนไลน์มากเกินไปรวมทั้ง digital footprint ที่ไม่มีทางลบได้ รวมทั้งการดูจอนานก็มีผลต่อสุขภาพ สายตาสั้น ปวดหัว และบางครั้งเราเองก็สมาธิสั้น ทำอะไรอยู่ซักพักก็ต้องหยิบมือถือขึ้นมาดู
.
แล้วเราจะสอนลูกอย่างไร เรามีการกำหนดเวลา บางบ้านก็ทำได้ผลลูกเชื่อฟัง แต่หลายบ้านก็ทำยากค่ะ เวลาเจอคำถามที่ว่าทำไมพ่อแม่ยังใช้จอได้ไม่มีกำหนด เราตอบลูกว่าอะไรคะ ก็พ่อแม่ใช้ทำงาน แต่ในระหว่างนั้นพ่อแม่ก็ดู social media เล่มเกมส์ เพื่อความบันเทิงหรือเพื่อฆ่าเวลา ถ้าเราแบ่งเวลาการทำงานให้ชัดเจน กับเวลา entertain ผ่านจอของ ถ้ามีการกำหนดเวลาเราจะทำได้ตามกำหนดเวลาเหมือนอย่างลูกเราไหม
.
บางบ้านไม่ให้เอามือถือเข้าห้องนอน มีที่ชาร์จมือถือส่วนกลางที่ทุกคนเอามาชาร์จรวมกันก่อนเข้านอน (หวังว่าลูกจะไม่แอบมาเอาไปตอนที่เราหลับแล้ว) เคยได้ยินค่าย unplugged สำหรับเด็ก ๆ ในต่างประเทศ เป็นค่ายที่ไปทำกิจกรรมโดยห้ามนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ปลั๊กไป หรือมีการทำ digital detox ลองไม่อยู่กับมือถือเลย 1 วันหรือมากกว่านั้นลองดูว่าเราจะเป็นอย่างไร
.
สำหรับต่ายคำว่า role model สำคัญกว่าการบอกหรือสอนทุกวันค่ะ เหมือนถ้าเป็นสมัยก่อนจะบอกว่า ถ้าพ่อสูบบุหรี่แล้วสอนลูกว่าไม่ให้สูบบุหรี่แล้วลูกจะเชื่อไหม
Comments