ที่บ้านสอนลูกว่าก่อนพูดให้ถาม 3 คำถามนี้กับตัวเองก่อน #1 Is it kind? #2 Is it true? #3 Is it necessary? . เพราะคำพูดเป็นสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้ เมื่อคนฟังได้ยินแล้วเราก็ undo ไม่ได้ ที่บ้านเลยสอนลูกว่าก่อนจะพูดอะไรออกไปให้ถามตัวเองก่อนว่า . Is it kind? คนฟังเค้าฟังสิ่งนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร เค้าจะอยากได้ยินไหม ถ้าเป็นเราได้ยินคำพูดแบบนี้เราจะรู้สึกอย่างไร บางครั้งเราคิดอะไรก็พูดออกไป หลายครั้งคำพูดก็ไปทำร้ายจิตใจคนฟังโดยเฉพาะตอนที่เรามีอารมณ์ลบ เช่น โกรธ โมโห เสียใจ เราอาจจะพูดอะไรออกไปโดยที่เราไม่ได้หมายความตามนั้นจริง ๆ แต่คำพูดเหล่านั้นก็ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีไปแล้วค่ะ . Is it true? สิ่งที่เราจะพูดเป็นความจริงหรือเป็นความคิดของเรา ความจริงก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (โดยไม่ได้ใส่ opinion ของเรา) ให้เรามีความตระหนักว่าสิ่งที่เราพูดออกไปเป็น fact or opinion ค่ะ สำหรับต่ายเองก็ต้องฝึกแยกแยะ opinion กับ fact นะคะ บางครั้งเราก็เชื่อในอะไรบางอย่างจนคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงค่ะ . Is it necessary? สิ่งนี้คนฟังจำเป็นต้องรู้ไหม เราพูดเพื่อเค้า หรือเราพูเพื่อตัวเราเอง บางครั้งเราพูดระบายอารมณ์ พูดประชดประชัน เป็นการพูดเพื่อตัวเองค่ะ . ลูกต่ายยังไม่มี social media เป็นของตัวเองค่ะ เมื่อไรที่เค้าจะมี จะต้องยิ่งเน้นย้ำเรื่องเหล่านี้เลยค่ะ อะไรก็ตามที่ post ไปบน social media แล้วมันจะ leave digital footprint ค่ะ แม้เรา post แล้วลบทันที เราไม่รู้เลยว่ามีใครแคปหน้าจอ หรือแชร์ไปแล้วบ้าง ตอนที่ต่ายทำงานเป็น recruiter มีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติดีมากบางคนไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าทำงาน เพราะเมื่อเรา(ขออนุญาต)เข้าไปเช็ค social media เค้า แล้วเราเจอทัศนคติที่ไม่ตรงกับองค์กรค่ะ . เราต้องเริ่มจากเป็นตัวอย่างให้ลูกค่ะ ในวันที่ลูกต่ายมี social media ต่ายก็คงไม่อยากให้เค้าไปเจอข้อความอะไรที่เราไม่ควรโพสต์ ดังนั้นก่อนโพสต์อะไรทุกครั้งต่ายก็จะถาม 3 คำถามนี้กับตัวเองเช่นกันค่ะ
Credit ภาพใน comment ค่ะ
Comments