ช่วงนี้ต่ายซ้อมเปียโนทุกวันอย่างหนักหน่วง ประหนึ่งว่ากำลังเรียนเปียโนอยู่ เหตุผลก็คือ ลูกจะแข่งไวโอลินสิ้นเดือนนี้ (กันยายน 2566) ค่ะ แล้วต่ายก็ตัดสินใจว่าจะเล่นเปียโนเป็น accompanist ให้ลูกเอง เมื่อตัดสินใจแล้วก็ซ้อมๆๆๆๆๆค่ะ
.
เริ่มต้นตั้งแต่ความ struggle ตอนแรก ที่จริง ๆ แล้วไม่เคยเล่น accom เลยค่ะ เล่น solo มาตลอด หูเลยไม่ชินกับการต้องเล่นเปียโนต้องฟังทั้งเสียงเปียโนและไวโอลินที่บางท่อนโน้ตไม่เหมือนกันเลย ตอนแรก ๆ ซ้อมเปียโนอย่างเดียว พอมาเล่นพร้อมกับไวโอลินแล้วรู้เลยว่ายากมาก ต้องซ้อมกับไวโอลินเยอะ ๆ
.
ช่วงหลัง ๆ ที่เริ่มเล่นพอได้แล้ว ต่ายใช้คำว่าตัวเองจิตแข็งพอละ ที่จะเป็นเปียโนไปพร้อมก็ไวโอลิน ต่ายค้นพบว่าช่วงที่ซ้อมดนตรีนี่ความรู้สึกบางช่วงคล้ายกับตอนที่ส่งสมาธิ คือตอนที่นั่งสมาธิ ถ้าเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน เราก็จะไปคิดถึงเรื่องอื่น พอรู้ตัวก็เรียกสติกลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน
.
ตอนซ้อมเปียโนก็เป็นเช่นกัน ถ้าซ้อมอยู่แล้วเผลอไปคิดถึงเรื่องอื่น เพียงชั่วแป๊บเดียวเท่านั้นต่ายจะรู้ตัวทันทีเพราะมันจะเล่นผิด การซ้อมดนตรีจึงเป็นการฝึกสมาธิสำหรับต่าย เราต้องอยู่กับปัจจุบันจริง ๆ ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่น หรือแม้กระทั่งนึกถึงเพลงท่อนอื่น ต่ายจะเล่นผิด หรือไม่ก็เล่นย้อนผิดที่ ช่วงนี้ต่ายก็เลยฝึกสติผ่านการซ้อมเปียโนค่ะ
.
เพิ่มเติมเรื่องการเล่น accom ถ้าที่บ้านมีคุณพ่อหรือคุณแม่เล่นเปียโนได้ ก็อย่าไปคิดว่าเธอเล่น accom ให้ลูกก็ได้ คือ มันต้องทุ่มเทซ้อมประมาณเดียวกับที่ลูกทุ่มเทซ้อมเลยค่ะ (หรืออาจจะมากกว่าด้วย กลัวลูกพังบนเวที)
Comments