top of page
  • เพจของโค้ชแม่ต่ายค่ะ
  • 9e582e788b549c8bc310958d8222048f_icon
Search
  • Writer's pictureCoachTai Musicparent

Ep.423 การทำร้ายร่างกาย กับ การทำร้ายจิตใจ


Domestic violence ประกอบไปด้วยทั้ง การทำร้ายร่างกาย และ การทำร้ายจิตใจ

.

การทำร้ายร่างกายสามารถเห็นได้ชัดเจนเพราะมักจะมีบาดแผงร่องรอยปรากฏ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ ต้องช่วยกันสังเกต เช่น คุณครู หรือ คุณหมอ หากสงสัยว่าจะมีการทำร้ายร่างกายเด็กต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

.

ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็กเป็นข้อตกลงสำคัญที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมกันเพื่อให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความคุ้มครองสิทธิเด็ก ครอบคลุมสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีสิทธิเด็ก 4 ประเภทดังนี้

1.สิทธิที่จะมีชีวิตรอด

2.สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา

3. สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง

4.สิทธิที่จะมีส่วนร่วม

.

สำหรับสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองรวมการล่วงละเมิดและกระทำทารุณกรรมทุกรูปแบบรวมทั้งการใช้แรงงานเด็ก

.

สิ่งที่เรามักจะไม่ระวังคือการทำร้ายจิตใจเด็ก สมัยนี้เราตีเด็กน้อยลงมาก หลาย ๆ โรงเรียนห้ามไม่ให้ลงโทษเด็กด้วยการตี เพราะเป็นการทำร้ายร่างกาย แต่หลายครั้งคำพูดที่ออกมาจากคนรอบตัวเด็กอาจจะทำร้ายเด็กได้ลึกกว่าที่เราคิด

.

ลองถามตัวเองดูนะคะ ว่ามีคำพูดทางลบไหนที่เรายังจำได้ถึงทุกวันนี้แม้ว่าเหตุกาณ์จะเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การที่เราเคยโดนดุ การพูดประชดประชัน ส่อเสียด การล้อเลียน หลายครั้งที่คำพูดที่เราพูดไปโดยอารมณ์ พูดไปแล้วเราสบายใจ แต่มันอาจจะไปฝังอยู่ในความทรงจำของใครบางคนโดยที่เราไม่รู้ตัว

.

โค้ชชีที่ต่ายคุยด้วยหลายคนก็มีปมมาจากวัยเด็ก เป็นเพียงคำพูดที่คนรอบตัวเค้า เช่น พ่อแม่ ครู ญาติพี่น้อง พูดกับเค้า แต่เค้าก็จำฝังใจมาจนโต แล้วมันก็ตามมาทำร้ายเค้าอยู่ทุกครั้งที่เค้านึกถึง

.

การทำร้ายจิตใจ เจ็บและยาวนานกว่าการทำร้ายร่างกายมาก เพราะเราเจ็บทุกครั้งที่เรานึกถึง ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนมุมมองกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ มันก็จะฝังอยู่ในใจเราไปตลอด

.

ดังนั้นเวลาเราจะพูดอะไรออกไป โดยเฉพาะเมื่อเรามีอารมณ์โกรธ โมโห ถ้าเรามีสติพอลองใช้ empathy แล้วคิดดูว่าคนที่เค้าจะได้ยินคำพูดนั้นของเรา เค้าจะคิดยังไงนะคะ

Comments


bottom of page