Ep.395 เราควรมองไปข้างหน้าไกลแค่ไหน

Content ของ Ep นี้ปิ๊งแว้บขึ้นมาตอนกำลังขับรถค่ะ ปกติตอนขับรถนอกจากจะมองรถคันข้างหน้า แล้วก็จะมองทะลุกระจกรถไปยังรถที่อยู่หน้าคันหน้าอีกทีด้วย การทำเช่นนี้เหมือนเราพยายามมองไปไกลกว่าระยะปกติเพื่อความระมัดระวัง เช่น ถ้ารถคันหน้าของคันหน้าเบรกนี่เราถอนคันเร่งรอก่อนเลย

.

ตอนทำ Strength Finder จุดแข็งตัวแรกของต่ายคือ Deliberative เป็นผู้มีความระมัดระวังรอบคอบ สามารถคาดการณ์ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และจะระมัดระวังหาทางมาปิดความเสี่ยงด้วย strength ตัวนี้ก็มีส่วนช่วยสร้างพฤติกรรมนี้

.

ฟังมาทั้งหมดเหมือนจะดูดี แต่ในทุก ๆ เรื่องก็มักจะเหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน เพราะอีกด้านคือต่ายเป็นคนใจร้อน เวลามองทะลุกระจกรถคันหน้าไปแล้วเห็นว่าคันหน้าของเราทิ้งระยะห่างจากคันหน้าของเค้ามากเกินไป (โดยเฉพาะเวลาขับเลนขวา) ก็รู้ตัวเลยว่าจะมีความหงุดหงิดเกิดขึ้นทันที

.

พอรู้ตัวแบบนี้เลยตั้งสติได้บอกกับตัวเองว่า การที่เราจะมองไปข้างหน้ามากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย เราไม่ได้มองไปที่ระยะเดิมตลอดเวลา ตอนนี้ก็ยังมองทะลุกระจกคันหน้าค่ะ เพียงแต่บอกตัวเองให้ alert เฉพาะเวลาที่เห็นไฟเบรกของคันหน้าของคันหน้าเท่านั้น เวลาอื่น ๆ ก็มองแค่คันหน้า จะได้ไม่หงุดหงิดอีก

.

คำถามที่ว่าเราควรจะมองไปข้างหน้าแค่ไหน สำหรับคำตอบของคำถามนี้ในการใช้ชีวิตก็น่าจะได้คำตอบที่คล้ายกัน คือ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั่นแหละ บางครั้งสถานการณ์คับขัน หรืองานด่วนท่วมท้น เราคงไม่มองไปข้างหน้าไกล เอาแค่ทำงานให้ทัน แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่ช่วงไหนที่ชีวิตเราโอเค ไม่มีอะไรมา overwhelm เราก็สามาถมองไปยาว ๆ แบบ visionary ได้

.

เราใช้ชีวิตตามสถานการณ์ค่ะ Situational Living (ดัดแปลงจาก Situational Leadership)

#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี, #โค้ชต่าย, #Musicparent, #Music, #Parent, #Coaching, #EF, #ดนตรี, #เลี้ยงลูก, #ปรึกษา, #พัฒนา, #StrengthFinder, #ค้นหาพรสวรรค์, #โค้ชแม่ต่าย, #StrengthCoach, #Gallup, #CoachTai