หนังสือที่ใช่มาหาเราในเวลาที่ใช่มันทรงพลังมากเลยนะคะ
ปีนี้ต่ายมีหนังสือ 3 เล่มที่ชอบมากและมาในเวลาที่ใช่ มีหนังสือหลายเล่มที่ชอบมากแต่อาจจะไม่ค่อยโดนเพราะยังมาไม่ถูกเวลา และก็มีหลายเล่มที่พออ่านซ้ำแล้วรู้สึกว่าใช่เลย ทำไมคราวที่แล้วอ่านแล้วไม่อินขนาดนี้ สำหรับต่ายหนังสือก็เหมือนเพื่อนค่ะ ถ้าเพื่อนที่เราอยากเจอมาหาเราพอดีก็คือหนังสือที่ใช่และมาในเวลาที่ใช่ค่ะ สำหรับต่ายยกให้ 3 เล่มนี้เลยค่ะ
.
พลังวิเศษของคนธรรมดา สำหรับต่ายหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่มาบอกว่าไอเดียที่เรามีเยอะแยะจะทำอย่างไรให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ หลายครั้งที่เราไอเดียบรรเจิด แล้วซักพักมันก็จะหายไปไม่ได้เกิดขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะไอเดียกับความกลัวเป็นเพื่อนกัน เวลาที่มีไอเดีย ความกลัวจะคอยมาถามว่า คิดดีหรือยัง มันดีพอหรือยัง คนอื่นจะว่ายังไง ฯลฯ พอมีคำถามจากความกลัวมาก ๆ ไอเดียก็เลยจากไป และก็อาจจะจากไปอยู่กับคนอื่นด้วย สิ่งที่ช่วยให้ไอเดียเกิดได้คือ การลงมือทำค่ะ ทำทั้ง ๆ ที่ยังกลัว ทำทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ perfect นั่นแหละค่ะ เพราะถ้าไม่ได้เริ่มทำสุดท้ายแล้วไอเดียก็จะหายจากเราไปอีกค่ะ
.
The Alchemist มาเพื่อเตือนให้เราอย่าลืม ‘ตำนานชีวิต’ ของเรา ตำนานชีวิต สำหรับต่ายคือ เป้าหมายชีวิตของเราค่ะ เราเกิดมาเพื่ออะไร เริ่มต้นตั้งแต่การค้นหาตำนานชีวิตของเราซึ่งหลายคนอาจจะยังหาไม่เจอ ถ้าเจอแล้วเราจะดำเนินชีวิตไปตามหาตำนานชีวิตอย่างไร หลายครั้งเราจะถูกทดสอบว่าเรามุ่งมั่นจริงหรือเปล่า และสิ่งที่ช่วยให้เราผ่านอุปสรรคไปได้คือตำนานชีวิตจะคอยส่ง ‘สัญญาณ’ ให้เราค่ะ ให้เราฟังสัญญาณนั้นและฟัง ‘จิตของโลก’ ค่ะ หลายคนที่ตามหาตำนานชีวิตจนเจอ และหลายคนก็ล้มเลิกก่อน แล้วเราอยากเป็นแบบไหนคะ
.
โมโม่ เป็น เรื่องราวของชายชุดเทาที่มาขโมยเวลาของเรา อ่านแล้วได้ย้อนกลับมาดูที่ตัวเองว่าเรากำลังถูกขโมยเวลาหรือเปล่า เราเองหรือเปล่าที่ยอมให้ชายชุดเทามาขโมยเวลา เราใช้ชีวิตแบบเร่งรีบตลอดเวลา และมีเวลาไม่เคยพอหรือเปล่า แล้วเราหลงลืมสิ่งที่สำคัญกับชีวิต เช่น การดูแลตัวเอง การดูแลครอบครัวคนที่เรารัก สำหรับต่ายคำว่า productive/ efficiency ต้องมาพร้อมกับคำว่า balance ด้วยค่ะ
.
การอ่านหนังสือหลายครั้งก็เป็นการ reflect ตัวเองไปด้วยค่ะ ให้เราได้ย้อนมาดูตัวเรา ต่ายเป็น Learner ที่เชื่อว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้ค่ะ และการเรียนรู้ทุกอย่างสามารถนำมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกและส่งต่อให้ลูกได้ค่ะ
Comments