Ep. นี้สรุปที่ต่ายไปคุยในรายการ Mom&Mouth ของ ThaiPBS มานะคะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจะให้ลูกเรียนดนตรีค่ะ
.
ลูกควรจะเริ่มเรียนดนตรีอายุประมาณ 3-4 ขวบ เมื่อลูกพูดรู้เรื่อง บอกความต้องการได้ อยู่ในกฎ เข้าห้องเรียนได้ ซึ่งการเรียนดนตรีไม่มีอายุที่เป็นเพดาน เป็นผู้ใหญ่ก็เริ่มเรียนได้ การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด เริ่มเมื่อสะดวก แต่ตอนเด็ก ๆ กล้ามเนื้อพัฒนาได้ดีกว่า
.
การเรียนดนตรีในเด็กเล็กประมาณ 3-4 ขวบ มี 2 แนว
1. ดนตรีกลุ่ม เรียนพื้นฐานดนตรี การฟัง การจับจังหวะ การฝึกการร้องเพลง มีผู้ปกครองเข้าไปเรียนด้วย
2. จับเครื่องดนตรีเป็นชิ้น เครื่องดนตรีที่เด็กเล็กสามารถเล่นได้ได้แก่ piano, violin, ในโรงเรียนก็จะมีการสอน recorder, melodeon
.
การจะให้เรียนเครื่องอะไร เด็กเล็กควรให้ไปลองเรียน ให้ไปลองว่าเข้ากับคุณครูได้ไหมโดยเฉพาะเด็กเล็ก ครูคนแรกสำคัญ ถ้าไม่ชอบก็อาจจะไม่ชอบดนตรีไปเลย
.
ถ้าจะให้เรียนดนตรี ต้องมีเครื่องดนตรีที่บ้านไหม ต้องซื้อไหม การเรียนดนตรีเป็นเครื่อง ควรมีเครื่อง ควรซ้อมทุกวัน เด็กเล็ก ๆ ซ้อมทุกวันวันละ 5 นาที ดีกว่ามาซ้อมวันเดียว 1 ชั่วโมง การเล่นดนตรีเป็นการฝึกกล้าเนื้อ
.
สมัยนี้สามารถเช่าได้ เปียโนค่าเช่า 900-2000 บาทต่อเดือน บางร้านเอาค่าเช่ามาหักจากค่าซื้อ สำหรับ violin ควรเช่าเพราะต้องเปลี่ยน size เมื่อเด็กตัวโตขึ้น
.
สำหรับราคา piano มือ 1 เป็นแสน มือ 2 ราคา 5-6 หมื่น piano ไฟฟ้า 3-4 หมื่น สำหรับ violin แม้ว่าจะมีราคาเริ่มต้นหลักพัน แต่ที่เสียงใช้ก็ได้ราคาเป็นหมื่น
.
สำหรับเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเรียนดนตรี การเรียนดนตรีค่าเรียนหลากหลาย 4-5 ร้อย หรือพันสองพัน ต่อครั้ง ควรเรียนสัปดาห์ละครั้ง ระบบโรงเรียนปกติจะให้จ่ายเป็นเทอมเมอมละ 12 ครั้ง ถ้าเป็นครู private ก็แล้วแต่ตกลงกัน
ควรเรียนดนตรีต่อเนื่องนานเท่าไร การเรียนเรียนได้ไม่มีที่สิ้นสุด แม้จบปริญญาเอกทางด้านดนตรีมาแล้วก็ยังสามารถเรียนต่อได้ แนะนำว่าเอาตามที่คุณพ่อแม่สะดวก ถ้าอยากให้มีดนตรีในชีวิตไปตลอด แนะนำว่าให้เรียนจนอายุ 18 หรือจบเกรด 8 ในระบบอังกฤษ แม้ว่าไม่ได้เล่นดนตรีนาน ๆ เมื่อกลับมาก็จะยังเล่นได้ การเรียนดนตรีอาจเปรียบเทียบได้กับการเรียนภาษาอังกฤษ เรียนแล้วไม่ได้ใช้ก็ลืมได้
.
ถ้าไม่มีสตางค์แต่อยากเรียนดนตรีแนะนำให้เรียนที่โรงเรียนตามมัธยมขนาดใหญ่ที่มีวงดุริยางค์หรือวง orchestra อาจจะต้องใช้เวลาไปเช้า กลับเย็น หรือไปซ้อมตอนปิดเทอม ก็จะมีเครื่องซ้อมและได้ซ้อมทุกวัน นักดนตรีที่เรียนเอกดนตรีหลายคนก็เริ่มต้นเรียนดนตรีในโรงเรียนมัธยม ซึ่งการเล่นในวงก็จะทำให้มีทักษะทางสังคม ได้เปิดโลก อาจจะได้เดินทางไปแข่งต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ
.
ถ้าอยากให้เรียน จะไปเรียนตามโรงเรียน หรือมาให้ครูมาสอนส่วนตัวที่บ้านหรือไปเรียนส่วนตัวที่บ้านครู ขอแนะนำข้อดีของแต่ละแบบดังนี้
.
ข้อดีของโรงเรียน การคัดเลือกคุณครูของโรงเรียนจะมีมาตรฐาน คุณครูต้องจบอะไรมา ต้องสอบได้เกรดอะไร และมีการอบรมก่อนสอน สำหรับครู private ยืดหยุ่นกว่าเรื่องการขาดลามาสาย ซึ่งส่วนมากการเรียนกับครู private จะมาจากการ refer แนะนำว่าให้เลือกตามจริตคุณพ่อคุณแม่ ลูกและเราเข้ากับครูคนไหนได้ เน้นว่า การเลือกครูคนแรกที่ลูกเราเข้ากับครูได้
.
ถ้าหากเลือกเรียนที่โรงเรียน ทุกโรงเรียนก็ต้องมีหลักสูตรที่มีมาตรฐานอยู่แล้ว แนะนำให้ดูจากราคาเราที่รับได้ และสถานที่ที่สะดวกพอจะไปรับส่งได้ทุกสัปดาห์และอาจจะเป็นระยะเวลาหลายปีด้วย
.
อยากฝากว่า กิจกรรมดนตรี เป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัว ไม่ใช่กิจกรรมของลูกคนเดียว ตอนลูกซ้อมคุณพ่อคุณแม่ก็มาดูมาให้กำลังใจ และสามารถช่วยจัดสถานที่และเวลาให้เหมาะสมสำหรับการซ้อม ลูกเล่นดนตรีพ่อก็มาร้องเพลง ให้ดนตรีเป็นกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวนะคะ
#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี, #โค้ชต่าย, #Musicparent, #Music, #Parent, #Coaching, #EF, #ดนตรี, #เลี้ยงลูก, #ปรึกษา, #พัฒนา, #StrengthFinder, #ค้นหาพรสวรรค์, #โค้ชแม่ต่าย, #StrengthCoach, #Gallup, #CoachTai
Comments